เข้าชม 385 ครั้ง
ปรับปรุงครั้งที่ / (วันที่ 29 ก.พ. 67 )
นำมาใช้งาน พ.ศ. 2566
ผู้พัฒนา : ร้อยเอก ธนัญชัย จวบประสพ
เบอร์โทร : 065-4949414
อีเมล์ : [email protected]
ผลของโปรแกรมความเชื่อด้านสุขภาพและแรงสนับสนุนทางสังคมต่อการติดตามการกินยาของผู้ป่วยที่ติดเชื้อ H. Pylori ในโรงพยาบาลค่ายพิชัยดาบหัก จังหวัดอุตรดิตถ์
คุณสมบัติ
โรงพยาบาลค่ายพิชัยดาบหัก จังหวัดอุตรดิตถ์ เป็นโรงพยาบาลที่มุ่งเน้นการให้บริการดูแลรักษาโรคและความผิดปกติของระบบทางเดินอาหารด้วยเครื่องมือ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ทันสมัย มีบริการให้คําปรึกษา การตรวจวินิจฉัยและรักษาโรคระบบทางเดินอาหาร โดยแพทย์เฉพาะทางโรคระบบทางเดินอาหาร จากสถิติการให้บริการ พบว่ามีผู้มารับบริการตรวจวินิจฉัยและรักษาโรคในระบบทางเดินอาหารโดยการส่องกล้อง เป็นจํานวนมากและมีแนวโน้มเพิ่มมากยิ่งขึ้นทุกปี ข้อมูล ปีพ.ศ. 2562-2563 พบว่า โรงพยาบาลค่ายพิชัยดาบหัก จังหวัดอุตรดิตถ์ ผู้ที่ได้รับการตรวจวินิจฉัยโรคระบบทางเดินอาหารโดยการส่องกล้องหลอดอาหาร กระเพาะอาหาร และลําไส้เล็กส่วนต้น ทั้งเพศชายและเพศหญิง จํานวนทั้งหมด 1,634คน พบผู้ป่วยที่มีผลตรวจเชื้อ H. Pylori เป็น Positive จํานวน 583 คน คิดเป็นร้อยละ 35.68 (Fort Pichaidaphak hospital, 2020) ซึ่งมีความจําเป็นที่จะต้องได้รับการรักษาด้วยยารักษาโรค เพื่อป้องกันการดําเนินไปของโรคและลดความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งกระเพาะอาหารในอนาคต ตามแนวทางเวชปฏิบัติในการวินิจฉัยและการรักษาผู้ป่วยที่มีการติดเชื้อ H. Pylori ในประเทศไทย พ.ศ. 2558 ผู้ป่วยที่ติดเชื้อ จําเป็นต้องได้รับการรักษาด้วยยามากกว่า 3 ชนิด ประกอบด้วยการใช้ยาปฏิชีวนะ ร่วมกับยาในกลุ่ม Proton Pump Inhibitor (PPI) ต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลา 7-14 วัน เพื่อให้ได้ประสิทธิผลในการรักษามากกว่าร้อยละ 90 จึงมีความจําเป็นที่จะต้องกระตุ้นให้ผู้ป่วยรับประทานยาให้ครบและต่อเนื่องตลอดการรักษา จากสถิติการใช้ยาสําหรับรักษาเชื้อ H. Pylori พบว่าผู้ป่วยมีอาการข้างเคียงจากยามากถึงร้อยละ 50 ส่วนใหญ่มีอาการเล็กน้อย เช่น การรับรู้รสชาติเปลี่ยนแปลงไป เนื่องจากยา Clarithromycin อาการคลื่นไส้ อาเจียน เป็นต้น ซึ่งอาการดังกล่าวสามารถหายเป็นปกติเมื่อหยุดรับประทานยาจนครบตามแนวทางการรักษา จากผลการสํารวจผู้ป่วยติดเชื้อ H. Pylori ที่ขาดการรักษาต่อเนื่องในโรงพยาบาลค่ายพิชัยดาบหัก พบว่าเมื่อเกิดอาการข้างเคียงจากยา ผู้ป่วยจะมีความวิตกกังวลต่อการรับประทานยา บางรายส่งผลกระทบต่อพฤติกรรมการรับประทานยา ทําให้รับประทานยาไม่สม่ําเสมอ รับประทานยาไม่ครบตามจํานวนและระยะเวลาตามที่แพทย์สั่ง บางรายหยุดรับประทานยาเองและขาดการรักษาตามนัดของแพทย์ ส่งผลทําให้มีความเสี่ยงต่อการเกิดเชื้อดื้อยา การรักษาเชื้อ H. Pylori ไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร เกิดความจําเป็นที่จะต้องเพิ่มระยะเวลาในการรักษา ปรับเปลี่ยนสูตรการรักษา ทําให้เกิดการสูญเสียทั้งด้านเวลาและทุนทรัพย์ของผู้ป่วย
คุณลักษณะ
การวิจัยนี้เป็นการวิจัยกึ่งทดลองแบบกลุ่มเดียววัดผลก่อนและหลังทดลอง เพื่อศึกษาความรู้ การรับรู้โอกาสเสี่ยงโรค การรับรู้ความรุนแรงของโรค การรับรู้ประโยชน์ และการรับรู้ต่ออุปสรรค และพฤติกรรม การรับประทานยาก่อนและหลังการได้รับโปรแกรมความเชื่อด้านสุขภาพและแรงสนับสนุนทางสังคมของผู้ป่วยที่ติดเชื้อ H. Pylori ในโรงพยาบาลค่ายพิชัยดาบหัก จังหวัดอุตรดิตถ์ ประยุกต์ใช้แนวคิดแบบแผนความเชื่อด้านสุขภาพและแรงสนับสนุนของเบคเกอร์และไมแมน กลุ่มตัวอย่างคือ ผู้ป่วยรายใหม่ที่ได้รับการตรวจวินิจฉัยโรคระบบทางเดินอาหารโดยการส่องกล้องระบบทางเดินอาหาร ที่มีผลการตรวจหาเชื้อ H. Pylori เป็น Positive จำนวน 48 คน ใช้ระยะเวลาในการศึกษาตั้งแต่ กุมภาพันธ์ ถึง กรกฎาคม พ.ศ. 2564 เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสอบถามข้อมูลทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถาม แบบวัดความรู้เกี่ยวกับเชื้อ H. Pylori มีค่า KR-20 เท่ากับ 0.80 แบบสอบถามการรับรู้ด้านสุขภาพ และพฤติกรรมการรับประทาน มีค่าความเที่ยงสัมประสิทธิ์แอลฟาของครอนบาคเท่ากับ 0.97, 0.88 การวิเคราะห์ข้อมูลด้วยร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และ Paired Sample T-test
ผลการวิจัยพบว่า หลังการได้รับโปรแกรมความเชื่อด้านสุขภาพและแรงสนับสนุนทางสังคม ผู้ป่วยที่ติดเชื้อ H. Pylori มีระดับความรู้สูงขึ้น มีการรับรู้โอกาสเสี่ยงโรค การรับรู้ความรุนแรงของโรค การรับรู้ประโยชน์และการรับรู้ต่ออุปสรรคของการรับประทานยาและมีพฤติกรรมการรับประทานยาสูงกว่าก่อนการได้รับโปรแกรม อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .001
ไฟล์ดาวน์โหลด ดาวน์โหลดไฟล์ทั้งหมด
